โครงงาน
วิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์
เรื่อง สบู่อัญชัญ
จัดทำโดย
ด.ช.ธนภูมิ
บุญแตง (หัวหน้า)
ด.ช.สหรัฐ
คงสว่าง (รองหัวหน้า)
ด.ช.ณัฐพร ช้างพรายงาม (ผู้ช่วย)
ด.ช.ธรรมนูญ รัศมี (ผู้ช่วย)
อาจารที่ปรึกษา
อาจารย์ ภาวัต
กันตศรี
โรงเรียนวัดบางลี่(วุฒิพันธุ์วิทยา)
อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โครงงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับช่วงชั้นที่ 3
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สบู่อัญชัญ
เพื่อศึกษาทดลอง โดยได้รับการสนับสนุนจาก เพื่อนร่วมกลุ่มและ
คุณครู ภาวัต กันตศรี ที่ได้ให้คำปรึกษาในการ จัดทำโครงงาน ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะ แนะนำเอกสารตำราต่างๆที่ศึกษาค้นคว้า
คณะผู้จัดทำ ขอขอบพระคุณทุกท่านดังที่ได้กล่าวถึงมาข้างต้น
และที่ไม่ได้กล่าวถึงไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สบู่อัญชัญ
จัดทำโดยใช้ 1. สบู่อัญชัญ ( ไม่จำกัดจำนวน
แล้วแต่จะหาได้ )
2. น้ำเปล่า กรีนสรีน
3. แม่พิม น้ำหอม กระถะ เตา
4. ขมิ้น ไพล น้ำผึ้ง
ผลที่ได้จากการจัดทำโครงงานนี้ ประสิทธิภาพต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ของผิว อัญชัญอยู่ที่ส่วนน้ำมันหอมระเหยซึ่งผิว
อัญชัญจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้ง
การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆได้ดีกว่าใบมะกรูด (เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่น้อยกว่าผิวมะกรูด) จุลินทรีย์ที่ถูกยับยั้งได้ง่ายคือราดังนั้นจึงมีการนำน้ำมันหอมระเหยไปเป็นส่วนผสมใน สบู่อัญชัญเพื่อทำผิวดุกระจ่างใส
การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆได้ดีกว่าใบมะกรูด (เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่น้อยกว่าผิวมะกรูด) จุลินทรีย์ที่ถูกยับยั้งได้ง่ายคือราดังนั้นจึงมีการนำน้ำมันหอมระเหยไปเป็นส่วนผสมใน สบู่อัญชัญเพื่อทำผิวดุกระจ่างใส
บทที่
1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
ดอกอัญชันมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยในดอกอัญชันนั้นมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งสารชนิดนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น แก้อาการตาฟาง ตามัว หรือภาวะการเสื่อมของดวงตาที่มาจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น
แถมยังมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน ชะลอการเกิดโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) อุดตันในหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวอีกด้วย และคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดอกอัญชันนั้นยังช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ช่วยขับปัสสาวะ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาจัดทำแชมพูมะกรูด
- ศึกษาเพื่อทราบค่า ph ของแชมพูมะกรูดควรมีค่า ph เท่าไร
- ศึกษาเพื่อทราบประสิทธิภาพการกำจัดคราบไขมันและรังแคบนหนังศีรษะของแชมพูมะกรูด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ดอกอัญชัน สรรพคุณชั้นเลิศ บำรุงสายตา และช่วยให้ผมดกดำ มาทำความรู้จักกับอัญชันกันให้มากขึ้น ดูสิว่าประโยชน์ของดอกอัญชันมีอะไรบ้างนะ
ดอกอัญชัน ดอกไม้สีม่วงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก หลายคนคงจะเคยได้ยินสรรพคุณของเจ้าดอกอัญชันกันมาบ้างแล้ว ที่เห็นกันชัดเจนก็คงจะเป็นการนำอัญชันมาถูคิ้วเด็กเล็ก ๆ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้คิ้วดกดำขึ้น หรือแม้แต่คุณประโยชน์ในการนำสีของดอกอัญชันมาใช้ในการทำอาหารหรือขนมต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วดอกอัญชันมีประโยชน์อีกมากมายหลายอย่างเลยล่ะค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า เจ้าดอกเล็ก ๆ สีม่วงนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
อัญชัน ชื่อสามัญ Butterfly
pea, Blue pea
อัญชัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitoria ternatea L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว
(FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่วFABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
สมุนไพรอัญชัน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แดงชัน
(เชียงใหม่), เอื้องชัน (ภาคเหนือ) เป็นต้น
อัญชัน เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน
ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง
และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสารที่ชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น เช่น ไปเลี้ยงบริเวณรากผม
ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม หรือไปเลี้ยงบริเวณดวงตาจึงช่วยบำรุงสายตาไปด้วยในตัว
หรือไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือ ซึ่งก็จะช่วยแก้อาการเหน็บชาได้ด้วย
และที่สำคัญสารนี้ยังมีความโดดเด่นที่ใครหลาย ๆคนยังไม่ทราบนั้นก็คือ
ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้และการ “กินดอกอัญชันทุกวัน…วันละหนึ่งดอก” จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้อีกด้วยเนื่องจากดอกอัญชันนั้นมีในการฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด
ชื่อวิทยาศาสตร์: Clitoria
ternatea L.
ชื่อวงศ์: Leguminosae
ชื่อสามัญ: Blue pea, Blue vine, Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อพื้นเมือง: แดงชัน หรือ เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป:
ต้น ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม
ใบ ประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม มีใบย่อย 5-9 ใบ รูปไข่แกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอก สีขาว ฟ้า และม่วง ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นคู่ตามซอกใบ รูปดอกถั่ว มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน กลีบดอก 5 กลีบ ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็ก แต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 ซม.
ฝัก/ผล ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-8 ซม.
เมล็ด รูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์: การเพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์: - เป็นไม้ประดับแสนสวย เป็นอาหาร ยา และเครื่องสำอาง
- นอกจากนั้นอัญชันเป็นพืชตระกูลถั่ว จึงปลูกคลุมดินเป็นปุ๋ยพืชสด บำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์
- ลำต้นและใบสดใช้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์เช่น แพะ แกะ โค กระบือได้
ถิ่นกำเนิด: อินเดีย
แหล่งที่พบ: พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในหลายพื้นที่ มีสภาพที่แตกต่างกัน ทั้งในดินร่วนปนทราย ดินเหนียว ดินทราย
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: กินเป็นผักได้ ทั้งจิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด
ชื่อวงศ์: Leguminosae
ชื่อสามัญ: Blue pea, Blue vine, Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อพื้นเมือง: แดงชัน หรือ เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป:
ต้น ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม
ใบ ประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม มีใบย่อย 5-9 ใบ รูปไข่แกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอก สีขาว ฟ้า และม่วง ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นคู่ตามซอกใบ รูปดอกถั่ว มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน กลีบดอก 5 กลีบ ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็ก แต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 ซม.
ฝัก/ผล ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-8 ซม.
เมล็ด รูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
ฤดูกาลออกดอก: ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์: การเพาะเมล็ด
การใช้ประโยชน์: - เป็นไม้ประดับแสนสวย เป็นอาหาร ยา และเครื่องสำอาง
- นอกจากนั้นอัญชันเป็นพืชตระกูลถั่ว จึงปลูกคลุมดินเป็นปุ๋ยพืชสด บำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์
- ลำต้นและใบสดใช้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์เช่น แพะ แกะ โค กระบือได้
ถิ่นกำเนิด: อินเดีย
แหล่งที่พบ: พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในหลายพื้นที่ มีสภาพที่แตกต่างกัน ทั้งในดินร่วนปนทราย ดินเหนียว ดินทราย
ส่วนที่ใช้บริโภค: ดอก
การปรุงอาหาร: กินเป็นผักได้ ทั้งจิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด
การใช้ประโยชน์จากมะกรูด
1. ใช้ส่วนต่าง ๆ ของมะกรูด เป็นยาหรือส่วนผสมของยาต่าง ๆ1. 1 ใบมะกรูด มีรสปร่า กลิ่นหอม แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำใน ดับกลิ่นคาว
1.2. ผลลูกมะกรูด มีรสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดู
บทที่ 3
สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน
มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ
ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร
การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร
อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่า ปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้าที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย
มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ
ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร
การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร
อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่า ปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้าที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย
บทที่4
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้
และจากแหล่งอื่น ๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง
ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้น ๆ
จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม
ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง นั้นมีมากมาย
เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่น ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น
วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5
วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม
ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง
ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่น
ๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก
บทที่5
วิธีดำเนินการโครงงาน
อุปกรณ์
1. สบู่อัญชัญ ( ไม่จำกัดจำนวน
แล้วแต่จะหาได้ )
2. น้ำเปล่า กรีนสรีน
3. แม่พิม น้ำหอม กระถะ เตา
4.ขมิ้น
ไพล น้ำผึ้ง
วิธีทำ สบู่อัญชัญ
1.
เตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์ให้ครบ 4 หัวข้อ
2.
ใส่โซเดียมไฮดรอกไซด์บริสุทธิ์ลงไปในหม้อต้ม คนให้ละลาย
4.ใส่น้ำอัญชันลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน
5. นำไปใส่ในแม่พิมพ์ แล้วนำไปแช่เย็น