วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

โครงงานวิทยาศาสตร์ Bangli เรื่อง สบู่นายม่อน

โครงงาน วิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์

เรื่อง    สบู่อัญชัญ




จัดทำโดย

 ด.ช.ธนภูมิ     บุญแตง      (หัวหน้า) 

    ด.ช.สหรัฐ    คงสว่าง   (รองหัวหน้า)

   ด.ช.ณัฐพร    ช้างพรายงาม   (ผู้ช่วย)

   ด.ช.ธรรมนูญ   รัศมี (ผู้ช่วย)



อาจารที่ปรึกษา

อาจารย์  ภาวัต    กันตศรี 

 โรงเรียนวัดบางลี่(วุฒิพันธุ์วิทยา) อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โครงงานฉบับนี้เป็นส่วนประกอบของวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับช่วงชั้นที่ 3


 กิตติกรรมประกาศ
 โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สบู่อัญชัญ
เพื่อศึกษาทดลอง โดยได้รับการสนับสนุนจาก  เพื่อนร่วมกลุ่มและ
คุณครู ภาวัต  กันตศรี ที่ได้ให้คำปรึกษาในการ     จัดทำโครงงาน ที่ได้ให้ข้อเสนอแนะ แนะนำเอกสารตำราต่างๆที่ศึกษาค้นคว้า
        คณะผู้จัดทำ ขอขอบพระคุณทุกท่านดังที่ได้กล่าวถึงมาข้างต้น และที่ไม่ได้กล่าวถึงไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง



 บทคัดย่อ
       โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง สบู่อัญชัญ
จัดทำโดยใช้ 1. สบู่อัญชัญ    ( ไม่จำกัดจำนวน แล้วแต่จะหาได้ )
                     2.  น้ำเปล่า   กรีนสรีน
                     3.  แม่พิม  น้ำหอม   กระถะ เตา  
                     4. ขมิ้น  ไพล   น้ำผึ้ง   
   ผลที่ได้จากการจัดทำโครงงานนี้    ประสิทธิภาพต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ของผิว อัญชัญอยู่ที่ส่วนน้ำมันหอมระเหยซึ่งผิว อัญชัญจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้ง
การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆได้ดีกว่าใบมะกรูด  (เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่น้อยกว่าผิวมะกรูด) จุลินทรีย์ที่ถูกยับยั้งได้ง่ายคือราดังนั้นจึงมีการนำน้ำมันหอมระเหยไปเป็นส่วนผสมใน สบู่อัญชัญเพื่อทำผิวดุกระจ่างใส




   บทที่   1

บทนำ
 ที่มาและความสำคัญ

          ดอกอัญชันมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยในดอกอัญชันนั้นมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่าแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งสารชนิดนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดวงตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น แก้อาการตาฟาง ตามัว หรือภาวะการเสื่อมของดวงตาที่มาจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น 

          แถมยังมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน ชะลอการเกิดโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (LDL) อุดตันในหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวอีกด้วย และคุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดอกอัญชันนั้นยังช่วยยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ช่วยขับปัสสาวะ และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 

วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาจัดทำแชมพูมะกรูด
ศึกษาเพื่อทราบค่า ph ของแชมพูมะกรูดควรมีค่า ph เท่าไร
ศึกษาเพื่อทราบประสิทธิภาพการกำจัดคราบไขมันและรังแคบนหนังศีรษะของแชมพูมะกรูด

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ



ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ



          ดอกอัญชัน สรรพคุณชั้นเลิศ บำรุงสายตา และช่วยให้ผมดกดำ มาทำความรู้จักกับอัญชันกันให้มากขึ้น ดูสิว่าประโยชน์ของดอกอัญชันมีอะไรบ้างนะ

          ดอกอัญชัน ดอกไม้สีม่วงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมาก หลายคนคงจะเคยได้ยินสรรพคุณของเจ้าดอกอัญชันกันมาบ้างแล้ว ที่เห็นกันชัดเจนก็คงจะเป็นการนำอัญชันมาถูคิ้วเด็กเล็ก ๆ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้คิ้วดกดำขึ้น หรือแม้แต่คุณประโยชน์ในการนำสีของดอกอัญชันมาใช้ในการทำอาหารหรือขนมต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าที่จริงแล้วดอกอัญชันมีประโยชน์อีกมากมายหลายอย่างเลยล่ะค่ะ อยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะว่า เจ้าดอกเล็ก ๆ สีม่วงนี้มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย

บทที่   2

เอกสารที่เกี่ยวข้อง
อัญชัน ชื่อสามัญ Butterfly pea, Blue pea
อัญชัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitoria ternatea L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่วFABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
สมุนไพรอัญชัน มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แดงชัน (เชียงใหม่), เอื้องชัน (ภาคเหนือ) เป็นต้น
อัญชัน เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ปลูกทั่วไปในเขตร้อน ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์ มีสรรพคุณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะมีสารที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน” (Anthocyanin) ซึ่งมีหน้าที่ไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น เช่น ไปเลี้ยงบริเวณรากผม ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ เงางาม หรือไปเลี้ยงบริเวณดวงตาจึงช่วยบำรุงสายตาไปด้วยในตัว หรือไปเลี้ยงบริเวณปลายนิ้วมือ ซึ่งก็จะช่วยแก้อาการเหน็บชาได้ด้วย และที่สำคัญสารนี้ยังมีความโดดเด่นที่ใครหลาย ๆคนยังไม่ทราบนั้นก็คือ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้และการ กินดอกอัญชันทุกวัน…วันละหนึ่งดอก” จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้อีกด้วยเนื่องจากดอกอัญชันนั้นมีในการฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด 
ชื่อวิทยาศาสตร์:    Clitoria ternatea L.
ชื่อวงศ์:    Leguminosae
ชื่อสามัญ:    Blue pea, Blue vine, Butterfly pea, Pigeon wings
ชื่อพื้นเมือง:    แดงชัน หรือ เอื้องชัน
ลักษณะทั่วไป:
    ต้น    ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม
    ใบ    ประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม มีใบย่อย 5-9 ใบ รูปไข่แกมรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
    ดอก    สีขาว ฟ้า และม่วง ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นคู่ตามซอกใบ รูปดอกถั่ว   มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน กลีบดอก 5 กลีบ ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็ก แต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ดอกบานเต็มที่กว้าง 2-2.5 ซม.
    ฝัก/ผล    ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-8 ซม.
    เมล็ด    รูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
ฤดูกาลออกดอก:    ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์:    การเพาะเมล็ด   
การใช้ประโยชน์:    - เป็นไม้ประดับแสนสวย เป็นอาหาร ยา และเครื่องสำอาง
                             - นอกจากนั้นอัญชันเป็นพืชตระกูลถั่ว จึงปลูกคลุมดินเป็นปุ๋ยพืชสด บำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์ 
                             - ลำต้นและใบสดใช้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์เช่น แพะ แกะ โค กระบือได้
ถิ่นกำเนิด:    อินเดีย
แหล่งที่พบ:    พบขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปในหลายพื้นที่ มีสภาพที่แตกต่างกัน ทั้งในดินร่วนปนทราย ดินเหนียว ดินทราย
ส่วนที่ใช้บริโภค:    ดอก
การปรุงอาหาร:    กินเป็นผักได้ ทั้งจิ้มน้ำพริกสดๆ หรือชุบแป้งทอด

การใช้ประโยชน์จากมะกรูด
1. ใช้ส่วนต่าง ๆ ของมะกรูด เป็นยาหรือส่วนผสมของยาต่าง ๆ1. 1 ใบมะกรูด มีรสปร่า กลิ่นหอม แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำใน ดับกลิ่นคาว
1.2. ผลลูกมะกรูด มีรสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดู


บทที่  3
สรรพคุณทางยาของขมิ้นชัน

          
มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ "เหง้า" ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ 
 
          ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชัน ก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร 

          
การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมยังพบว่า ขมิ้นมีสรรพคุณบำรุงร่างกายอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยรักษาระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ หืด ไอ เวียนศีรษะ รักษาอาการปวดและอักเสบเนื่องจากไขข้ออักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยขับน้ำนมสตรีหลังคลอดบุตร

          อ๊ะ แต่ไม่ใช่ว่า ปลูกขมิ้นแล้วจะขุดเหง้าขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเลยนะ เพราะเหง้าที่จะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 9-12 เดือน และต้องไม่เก็บไว้นานเกินไปด้วย ไม่เช่นนั้นน้ำมันหอมระเหยจะหายหมด ที่สำคัญต้องเก็บไว้ไม่ให้ถูกแสงแดดด้วยเช่นกัน และห้ามเก็บเกี่ยวในระยะที่ขมิ้นชันเริ่มแตกหน่อ เพราะจะทำให้สารเคอร์คิวมินในขมิ้นชันลดลง ซึ่งก็ทำให้สรรพคุณเด็ด ๆ ของขมิ้นชันหายไปด้วย

บทที่4

น้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งอื่น ๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้น ๆ จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง นั้นมีมากมาย เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่น ๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก

บทที่5


วิธีดำเนินการโครงงาน

อุปกรณ์
1. สบู่อัญชัญ    ( ไม่จำกัดจำนวน แล้วแต่จะหาได้ )
                     2.  น้ำเปล่า   กรีนสรีน
                     3.  แม่พิม  น้ำหอม   กระถะ เตา
                     4.ขมิ้น  ไพล   น้ำผึ้ง

วิธีทำ  สบู่อัญชัญ

1.     เตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์ให้ครบ 4 หัวข้อ















2.   

ใส่โซเดียมไฮดรอกไซด์บริสุทธิ์ลงไปในหม้อต้ม คนให้ละลาย











                                                                      


4.ใส่น้ำอัญชันลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน







5. นำไปใส่ในแม่พิมพ์ แล้วนำไปแช่เย็น